คำถามที่พบบ่อย

คำถามที่พบบ่อย

 

คำแนะนำการบริโภคเป็นอย่างไร?

ตอบ แนะนำให้บริโภคควบคู่กันคือ ชาวันละ 1 ลิตร (1 ซองชา)และแคปซูลวันละ 2 เม็ดหลังอาหารทันที หากน้ำหนักตัวมากกว่า 60 กิโลกรัม เพิ่มอีก 2 แคปซูลหลังอาหารเย็น
ควรรับประทานอย่างต่อเนื่องเพื่อรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของผักเชียงดา

>>ดื่มแต่ชา<< น้ำหนักตัวน้อยกว่า 60 กก. ดื่มชาวันละ 1 ซองกับน้ำร้อน 1 ลิตร ลดปริมาณน้ำลงได้หากชอบแบบเข้มข้น
หากน้ำหนักตัวมากกว่า 60 กก. ควรดื่มวันละ 2 ซอง

>>ทานแต่แคปซูล<< น้ำหนักตัวน้อยกว่า 60 กก. ทานครั้งละ 2 เม็ด หลังอาหารเช้าและเย็น ดื่มน้ำตามมาก ๆ
หากน้ำหนักตัวมากกว่า 60 กก. แนะนำให้ทานครั้งละ 2 เม็ด หลังอาหารสามมื้อ หรือทานครั้งละ 3 เม็ด หลังอาหารเช้าและเย็น

วิธีชงชาผักเชียงดา

ชาผักเชียงดาชงอย่างไร?
ตอบ สำหรับซองชาแบบไม่มีเชือก ให้ต้มน้ำ 1 ลิตรจนเดือด นำซองชาลงไปแช่ 3-5 นาทีตามความชอบแล้วจึงนำออก ชองชาที่แช่น้ำแล้วมีอายุ 1 วัน

สำหรับซองชาแบบมีเชือกสามารถชงได้ 6 ถึง 8 แก้วต่อวัน โดยแช่ในน้ำร้อน 1-2 นาที ยกซองชาออกพักไว้แล้วจึงนำมาชงต่ออีก

ผักเชียงดาในรูปชาและแคปซูลแบบไหนดีกว่ากัน?
ตอบ ผักเชียงดาทั้งแบบชาชงและแคปซูลผลิตจากใบอ่อนผักเชียงสด100% สามารถเลือกได้ตามความชอบและความสะดวก ทั้งนี้แบบชาชงดื่มทั้งวันจะช่วยให้สารออกฤทธิ์สำคัญอยู่ในร่างกายตลอดทั้งวัน และปรับสมดุลร่างกายได้ดี แบบแคปซูลจะได้คุณประโยชน์จากเส้นใยผักเชียงดาออร์แกนิค ส่งผลดีต่อระบบย่อยและขับถ่าย เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

 

เครื่องดื่มผักเชียงดาสามารถดื่มแบบเย็นได้หรือไม่ ?
ตอบ สามารถดื่มได้ โดยการชงแบบเข้มข้น (ชงด้วยน้ำร้อนประมาณ 500-750ml) แล้วจึงนำเข้าตู้เย็นหรือเติมน้ำแข็ง ทั้งนี้แนะนำให้ดื่มแบบอุ่น ๆ เพราะเป็นสภาวะที่เหมาะกับอุณหภูมิร่างกายมากที่สุด
ไม่แนะนำให้ชงหรือแช่ในน้ำที่อุณหภูมิห้อง เนื่องจากเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ ควรชงด้วยน้ำร้อนก่อนแช่เย็นเพื่อการละลายสารออกฤทธิ์ออกมาให้ได้มากที่สุด

 

ทำไมการทานผักเชียงดาสดๆ ทุกวันไม่เพียงพอ ?

ตอบ การทานผักเชียงดาทุกวันเป็นผลดีต่อร่างกายอย่างแน่นอน แต่คุณต้องแน่ใจว่าผักเชียงดาที่คุณรับประทานต่อเนื่องทุกวันปลอดภัยจากสารเคมี เพียงเท่านี้คุณก็ได้รับคุณประโยชน์ดีๆจากผักพื้นบ้านชนิดนี้แล้ว แต่หากคุณหวังผลจากสารออกฤทธิ์ในผักเชียงดาคุณอาจต้องมองหาผักเชียงดาสายพันธุ์ที่มีสารออกฤทธิ์ในปริมาณมาก ผ่านการแปรรูปที่ถูกวิธี และบริโภคในปริมาณที่เพียงพอต่อเนื่องกัน ผักเชียงดาออร์แกนิคแปรรูปตรากาทองจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

 

ผักเชียงดาต่างจากสมุนไพรอื่นอย่างไร?
ตอบ ผลิตภัณฑ์ผักเชียงดาตรากาทอง แปรรูปจากผักเชียงดาออร์แกนิค100% ไม่มีคาเฟอีน ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล ไม่มีผลข้างเคียง ไม่มีสารตกค้าง สามารถทานต่อเนื่องกันได้โดยไม่ต้องพักเว้นระยะ และที่สำคัญสามารถทานควบคู่กับยาปฏิชีวนะได้

 

จะแน่ใจได้อย่างไรว่าผักเชียงดาแปรรูปยังหลงเหลือคุณค่าอยู่?
ตอบ ด้วยการสนับสนุนที่ดีจากหน่วยงานภาครัฐ ผักเชียงดาอบแห้งตรากาทองที่นำเข้าสู่ห้องปฏิบัติการตรวจพบสารที่มีฤทธิ์ทางยาในปริมาณที่พึงพอใจ ผ่านมาตรฐานความสะอาดและปราศจากสารตกค้าง ท่านสามารถมั่นใจได้ว่าเครื่องดื่มผักเชียงดาอบแห้งตรากาทองสะอาด ปลอดภัย และยังคงคุณค่าไว้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แล้วยังสามารถยืนยันด้วยเสียงตอบรับจากลูกค้าที่สั่งซื้ออย่างต่อเนื่องและกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานที่ผลการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดลดลงภายใน 1 เดือนหากบริโภคอย่างต่อเนื่อง

 

การบริโภคผักเชียงดามีผลข้างเคียงหรือไม่?
ตอบ ผลงานวิจัยมากมายยืนยันว่าการบริโภคผักเชียงดาที่ปลูกด้วยระบบอินทรีย์ทั้งแบบสดและแปรรูปไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายและไม่มีสารตกค้าง ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ตรากาทองผลิตด้วยมาตรฐานที่ได้รับการยืนยันจากนักวิชาการแล้วว่าสะอาด ปลอดภัย ทั้งยังคงคุณค่าใบผักเชียงดาสดไว้อีกด้วย อย่างไรก็ตามด้วยคุณสมบัติของผักเชียงดาจึงไม่แนะนำสำหรับผู้ตั้งครรภ์ ผู้ให้นมบุตร และผู้มีแผลผ่าตัด

 

นอกจากชาผักเชียงดาและผักเชียงดาแคปซูล มีผลิตภัณฑ์อื่นอีกหรือไม่?
ตอบ เพื่อเป็นการใช้ประโยชน์สูงสุดจากคุณค่าของผักเชียงดา ใบแก่ หรือใบที่ออกในฤดูฝนจะนำมาแปรรูปทำเป็นหมอนสมุนไพรที่มีรูปลักษณ์สวยงามคงศิลปะพื้นเมืองของเชียงใหม่ไว้ นอกจากนี้ยังจำหน่ายสมุนไพรและเครื่องเทศออร์แกนิคมาตรฐานสากลอีกด้วย

**ข้อมูลความรู้ต่างๆ คุณมุทิตา สุวรรณคำซาวได้มาจากการสืบทอดภูมิปัญญาจากหมอยาพื้นบ้าน การทดลองกับตัวเอง พร้อมทั้งการสั่งสมจากนักวิชาการและผู้มีความรู้เป็นเวลานาน ยินดีให้ทุกคนได้ศึกษาและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับสังคม**